สามสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากชัยชนะอันยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลเหนือเรอัล มาดริดในศึก UCL
ลิเวอร์พูล (Liverpool) คว้าชัยชนะ 2-0 เหนือเรอัล มาดริด (Real Madrid) พร้อมรักษาสถิติไร้พ่ายในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ที่ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะเรอัล มาดริดในแชมเปียนส์ลีกได้อย่างเด็ดขาด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพวกเขาในฐานะทีมที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปตอนนี้
การแข่งขันนี้เป็นครั้งที่เก้าของทั้งสองทีมในแชมเปียนส์ลีกตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยลิเวอร์พูลลงสนามด้วยฟอร์มสุดร้อนแรงจากการชนะสี่นัดรวดในรายการนี้ ขึ้นนำจ่าฝูงของตารางคะแนนอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติเข้ามาแข่งขันโดยมีความพ่ายแพ้สองนัดในรอบแบ่งกลุ่ม และขาดนักเตะตัวหลักที่บาดเจ็บอย่างวินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก้, ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา และโอเรเลียง ชูอาเมนี่ sbobet mobile
ครึ่งแรก:
ลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมด้วยการบุกกดดันอย่างหนักตั้งแต่นาทีแรก ความผิดพลาดของคีเลียน เอ็มบัปเป้ทำให้ลิเวอร์พูลได้โอกาสบุกอย่างจังในช่วงต้น ดาร์วิน นูนเญซยิงลูกที่ต้องใช้ทั้งการเซฟของธิโบต์ กูร์ตัวส์และการสกัดบนเส้นประตูของราอูล อเซนซิโอเพื่อป้องกันไม่ให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ sbobet mobile
แม้ลิเวอร์พูลจะครองบอลและสร้างโอกาสได้เหนือกว่าในช่วง 45 นาทีแรก แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถยิงประตูแรกได้ ในขณะที่เรอัล มาดริดยังไม่มีแม้แต่การยิงตรงกรอบ
ครึ่งหลัง:
ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นในครึ่งหลังด้วยความดุดัน บีบให้ผู้มาเยือนถอยไปตั้งรับในแดนตัวเอง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ยิงประตูแรกในนาทีที่ 52 หลังจากเล่นจังหวะหนึ่งสองกับคอเนอร์ แบรดลีย์อย่างสวยงาม เรอัล มาดริดมีโอกาสตีเสมอจากลูกจุดโทษในอีกเก้านาทีต่อมา แต่เอ็มบัปเป้ยิงไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ได้โอกาสยิงจุดโทษเช่นกัน แต่ก็พลาดเป้า อย่างไรก็ตาม โคดี้ กัคโปมายิงประตูที่สองในนาทีที่ 76 ปิดเกมด้วยชัยชนะ 2-0 ของลิเวอร์พูล