ศึกไทยลีก 2024-25 นัดส่งท้าย การแข่งขันเดือดเพื่อแชมป์และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ

ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ประกาศย้ายรังเหย้าสู่ TRUE BG STADIUM เริ่มฤดูกาล 2025/26 ความเคลื่อนไหวล่าสุดในวงการฟุตบอลไทย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (True Bangkok United) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป ทีมจะย้ายรังเหย้าจากสนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ไปใช้สนามของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (BG Pathum United) ภายใต้ชื่อใหม่ “TRUE BG STADIUM” ซึ่งถือเป็นการปิดฉากการใช้สนามธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นบ้านหลังที่สองมาอย่างยาวนานถึง 10 ปีเต็ม นับตั้งแต่ปี 2015 การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านสถานที่เท่านั้น แต่ยังส่งผลทางจิตวิทยาอย่างมากสำหรับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จะไม่ต้องกลับไปลงเล่นที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต อีกต่อไป สนามแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งใน “สนามอาถรรพ์” สำหรับพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากสถิติรวม 16 เกมที่ บีจี ปทุม ลงเล่นที่นั่นในฐานะทีมเยือนหรือในเกมที่ใช้เป็นสนามกลาง ผลปรากฏว่าพวกเขาแพ้ไปถึง 12 นัด เสมอ 2 นัด และชนะเพียง 2 นัดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเกมที่ บีจี ปทุม สามารถเอาชนะได้นั้นกลับมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะส่งผลโดยตรงต่อการคว้าแชมป์ของทีม การประกาศใช้สนาม TRUE BG STADIUM ร่วมกันของสองทีมใหญ่จากจังหวัดปทุมธานี จึงไม่เพียงเป็นการปรับเปลี่ยนด้านโครงสร้างการบริหารสโมสร แต่ยังเป็นการปิดฉากบทหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ

 

นัดสุดท้ายไทยลีก 2024-25 เดิมพันสำคัญที่มากกว่าการตัดสินแชมป์

 

ศึกลูกหนัง ไทยลีก 1 (Thai League 1) ฤดูกาล 2024/25 เหลือการแข่งขันอีกเพียงนัดเดียวก็จะสิ้นสุดฤดูกาล โปรแกรมการแข่งขันได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 วันคือวันที่ 27 และ 30 เมษายน 2568 ตามความสำคัญของแต่ละคู่ที่ยังคงมีการลุ้นในตำแหน่งต่างๆ ถึงแม้ว่าทีมที่ต้องตกชั้นทั้ง 3 ทีมจะได้ถูกกำหนดไปแล้ว ได้แก่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด (Khon Kaen United), นครปฐม ยูไนเต็ด (Nakhon Pathom United) และ หนองบัว พิชญ เอฟซี (Nongbua Pitchaya FC) แต่การแข่งขันในโซนบนของตารางยังคงเต็มไปด้วยความเข้มข้นและน่าติดตาม

 

การลุ้นแชมป์ระหว่าง บุรีรัมย์ และ แบงค็อก ความเข้มข้นที่ต้องมาชี้ชะตาในนัดสุดท้าย

 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (Buriram United) ต้องการเพียงชัยชนะในเกมสุดท้ายเพื่อคว้าแชมป์ ไทยลีก เป็นสมัยที่ 10 ในประวัติศาสตร์สโมสร และแม้ในกรณีที่จบฤดูกาลด้วยคะแนนเท่ากับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีม “ปราสาทสายฟ้า” ก็จะคว้าแชมป์ได้ทันทีเช่นกัน เนื่องจากมีผลงานการพบกันระหว่างทั้งสองทีม (Head to Head) ที่ดีกว่า โดยทั้งสองทีมผลัดกันแพ้ชนะคนละนัด แต่เมื่อรวมสกอร์ทั้งสองนัดแล้ว บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า ชนะ 4-2 ในบ้าน และแพ้ 2-3 นอกบ้าน รวมผลสกอร์ชนะ 6-5 ในขณะที่ แบงค็อก ยูไนเต็ด หากต้องการจะคว้าแชมป์ จำเป็นต้องชนะในเกมสุดท้ายเท่านั้น และต้องลุ้นให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำได้เพียงแค่เสมอหรือแพ้ จึงจะสามารถปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองได้ การลุ้นอันดับ 3 และโควตาเอเชีย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ราชบุรี เอฟซี (Ratchaburi FC) ยังคงมีโอกาสจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะอาจจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ฤดูกาล 2025-26 สำหรับบีจี ต้องการเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นเพื่อการันตีการคว้าอันดับสามในลีก ในขณะที่ ราชบุรี เอฟซี จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้เท่าน้้น นอกจากนี้ยังต้องลุ้นให้ บีจี พลาดท่าแพ้ในเกมสุดท้าย อีกด้วย เพื่อให้ทั้งสองทีมมีแต้มเท่ากันและนั่นถึงจะทำให้ ราชบุรี ได้เปรียบ ในเรื่องของ เฮดทูเฮดนั่นเอง

แม้ว่าจะไม่มีโอกาสในการได้รับโควตาเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเอเชีย แต่ การท่าเรือ เอฟซี (Port FC) และ พีที ประจวบ เอฟซี (PT Prachuap FC) ยังคงมีลุ้นที่จะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 5 ซึ่งหากทีม “ต่อพิฆาต” จาก ประจวบ สามารถทำได้ จะถือเป็นการจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ดีที่สุดตั้งแต่ทีมได้เลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งขันในลีกสูงสุดของ ประเทศไทย (Thailand) การท่าเรือ หากต้องการจบอันดับ 5 จำเป็นต้องชนะในเกมสุดท้ายเท่านั้น และในกรณีที่ทั้งสองทีมจบฤดูกาลด้วยแต้มเท่ากัน ประจวบ จะเป็นฝ่ายได้เปรียบและจะขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ทันที เนื่องจากมีผลงานการพบกันระหว่างทั้งสองทีมที่ดีกว่า โดยเสมอในบ้าน 0-0 และชนะนอกบ้าน 2-0 ภาพรวมของไทยลีก 2024-25 และอนาคตของวงการฟุตบอลไทย