สรุปผลงานนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูโร 2020

สรุปผลงานนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูโร 2020

เดิมทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีนักเตะเป็นส่วนร่วมรายการสำคัญของทีมชาติอยู่แล้วเกือบทุกทัวร์นาเมนต์ แต่ช่วงหลังด้วยสภาพของทีมที่ดร็อปลงไป เลยไม่แปลกที่จำนวนนักเตะที่จะเข้าร่วมก็น้อยลงไปด้วย เราดูฟอร์มพวกเค้าในศึกยูโรกลางปีนี้กันว่า ในเวอร์ชั่นทีมชาติพวกเค้าทำผลงานได้ดีแค่ไหน

ฝรั่งเศส

เริ่มกันที่แชมป์โลกฝรั่งเศส แน่นอนว่าชื่อเดียวที่ติดโผไปเล่นคราวนี้ด้วยก็คือ ปอล ป็อกบา กองกลางตัวตัดผมของทีม การไปเล่นของเค้าโดยภาพรวม ถือว่าน่าผิดหวังเหมือนกัน สถิติลงเล่น สี่เกม ทำได้หนึ่งประตู แอสซิสต์อีกหนึ่งครั้ง น่าจะดี ส่วนเกมรับ แท็คเกิ้ลไปเจ็ดครั้ง แต่เราคาดหวังฟอร์มที่ดีกว่านี้ ยิ่งในเกมกับสวิสที่เจ้าตัวเล่นติดประมาทมากไปหน่อยจนทำให้พลาดเสียบอลแล้วกลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้สวิสตีเสมอได้เนี่ย อันนี้มันน่าโดนด่า ยิ่งบวกกับท่าดีใจเวอร์ก่อนหน้านี้ด้วย มันเลยทำให้เจ้าตัวโดนมองแบบหมั่นไส้เล็กๆ

เนเธอร์แลนด์

อัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ หรือ ฮอลแลนด์ที่คุ้นปากดีในบ้านเรา มีดอนนี่ ฟาน เดอ บีค ติดทีมไปด้วย ว่ากันตามตรง การติดทีมของเจ้าตัวเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายเหมือนกัน เนื่องจากว่าในสโมสรเจ้าตัวก็ยังไม่ได้ลงเล่นแบบสม่ำเสมอ กลับติดทีมชาติจะให้ลงมันก็ดูยังไงอยู่ ทำให้การติดยูโรหนนี้เหมือนเสียเที่ยวเปล่า เพราะว่าเจ้าตัวไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่นาทีเดียว เลยไม่รู้จะบอกว่าฟอร์มเป็นอย่างไร สถานการณ์แบบนี้เท่ากับว่าเจ้าตัวต้องรีดฟอร์มให้ดีมากขึ้นในซีซั่นหน้า เพราะไม่งั้นเจ้าตัวอาจจะหลุดทีมชาติได้

สกอตแลนด์

อีกหนึ่งทีมชาติที่หลุดเข้ามาเล่นยูโรกลางปีนี้ได้แบบน่าเหลือเชื่อ ก็คือ สกอตแลนด์ พวกเค้าห่างหายจากการเล่นทัวร์นาเมนต์หลักไปนานมากแล้ว อย่างไรก็ตาม การกลับมาคราวนี้มีนักเตะผีแดงไปเล่นด้วยคนหนึ่งก็คือ น้องแม็ค สกอตต์ แมคโทมิเนร์ ฟอร์มของเค้าในทัวร์นี้ลงเล่นไปสามเกม ไม่ได้ทั้งสกอร์ และแอสซิสต์เลย ทำได้เพียงแค่แท็คเกิ้ลได้สามครั้งเท่านั้น ถือว่าฟอร์มโดยรวมเงียบเหมือนกัน จนเราต้องบอกเลยว่าผิดฟอร์มไปเยอะเลย แม้จะวิ่งสู้ฟัดอย่างเต็มที่ แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไรนัก

แจ็ค กรีลิช กับความเป็นสุดยอด แอสซิสต์

แจ็ค กรีลิช กับความเป็นสุดยอด แอสซิสต์

วันก่อนมีการสรุปสถิติที่น่าสนใจออกมา นั่นก็คือ สถิติยอดดาวยิงที่ทำประตูได้มากที่สุดของห้าลีคใหญ่ในเวลานี้ อีกสถิติหนึ่งเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ (ส่งบอลให้เพื่อนทำประตู) ได้มากที่สุดของ 5 ลีคใหญ่ของยุโรป ซึ่งอันดับที่ 1 เป็นของ แฮร์รี่ เคนทำได้ 11 ครั้ง ส่วนอันดับที่ 2-5 ทำได้เท่ากันที่ 10 ครั้ง ส่วนมากมาจากทีมใหญ่ มีคนเดียวที่สอดแทรกเข้ามาก็คือ แจ็ค กรีลิช ตัวแทนจากแอสตัน วิลล่า อะไรทำให้เค้าทำสถิติมาได้ถึงตรงนี้

กล้าจ่ายแบบไม่มีกั๊ก

หากใครจะขึ้นแท่น แอสซิสต์ ได้ ต้องบอกเลยว่าคนนั้นจะต้องมีความกล้าจ่ายแบบไม่มีกั๊กเลย แจ็ค กรีลิช เป็นนักเตะแบบนั้นเลย เค้าพร้อมที่จะจ่ายบอลทุกครั้งหากเพื่อนอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ไม่เสี่ยงเล่นเองในจังหวะควรจ่าย เรียกได้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร แจ็ค กรีลิช ทำได้ตามต้องการ นั่นก็เลยทำให้เจ้าตัวมีโอกาทำแอสซิสต์บ่อยๆให้กับตัวเอง

กล้าฝ่าดงคู่ต่อสู้

วิธีการเล่นของ แจ็ค กรีลิช อาจจะเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย เนื่องจากว่าเค้าจะต้องกล้าเลี้ยงฝ่าเข้าดงของคู่ต่อสู้ เพื่อเรียกฟาล์วบ้าง หรือบางทีเรียกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมาให้รุมตัวเอง เพื่อสร้างพื้นที่เล่นให้กับเพื่อนร่วมทีม การเลี้ยงฝ่าผู้ต่อสู้นั้นต้องใช้ใจ และ ทักษะการเล่นฟุตบอลของตัวเองควบคู่กัน แจ็ค กรีลิช มีความคล่องมาก นั่นทำให้เค้ากล้าที่เลี้ยงเข้าไปแบบไม่กลัวเสียบอล จนเข้าไปถึงเขตพื้นที่สุดท้าย จากนั้นก็จ่ายคิลเลอร์พาสให้เพื่อน เข้าทำประตู

เพื่อนวิ่งหาตำแหน่งดี

จะทำแอสซิสต์ได้นั้น ไม่ได้เป็นแค่คนจ่ายอย่างเดียว คนรับบอลเองก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วย ตอนนี้ แอสตัน วิลล่า ตัวแนวรุกนี่จิ๊ดจ๊าดกันทุกคนเลย วัตกินส์ , ตราโอเร่, บาร์คลี่ย์ เอาแค่สามคนนี้วิ่งหาช่องกันให้ควั่กเลย ทีนี้พอวิ่งหาช่องแล้ว แจ็ก กรีลิชจ่ายบอลไป พวกนี้เล่นเองได้หมดยิ่งถ้าเป็นเกมสวนกลับ บอกเลยว่า แจ็ค จ่ายเพื่อนวิ่งไปทำทางรอแล้วเข้าทำประตูได้เลย เหมือนการเล่น ฟาสต์เบรกของเกมบาสเกตบอล นั่นเอง

สถิติจอมเรียกใบเหลือง ใครเป็นใคร

สถิติจอมเรียกใบเหลือง ใครเป็นใคร

สถิติบางอย่างหลายคนอาจจะมองว่าไม่เกี่ยวกับเกมฟุตบอลเท่าไร แต่เอาเข้าจริงมันกลับสะท้อนอะไรบางอย่างออกมาได้เหมือนกัน ล่าสุดได้มีการเปิดเผยสถิตินักเตะที่เรียกใบเหลืองจากฝ่ายตรงข้ามได้มากที่สุด จากการฟาวล์ เรามาลองเดากันว่า ใน 3 อันดับแรกใครจะเป็นผู้ครองตำแหน่งนี้ไป

อันดับที่ 1 อดาม่า ตราโอเร่
อันดับที่ 1 เชื่อว่า หลายคนคงนึกภาพออกว่าเป็นใคร ใช่แล้ว แนวรุกสุดล่ำบึ้กจาก วูลฟ์ อย่าง อดาม่า ตราโอเร่ ยืนหนึ่งมาแบบไม่มีต้องคิดมากด้วยสถิติเรียกใบเหลืองไปแล้ว 20 ใบ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า แบ็คที่เจอกับเค้า หยุดเค้ายากมาก ตราโอเร่ มีทั้งความเร็ว ความหนา ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายแบบเกินที่ใครจะต้าน เลยไม่แปลกที่หลายจังหวะแบ็คอาจจะหยุดได้ด้วยการสไลด์ แต่หลังจากเกมผ่านไปสัก 50 นาทีล่ะ เค้าจะหยุดอย่างไรในเมื่อร่างกายน่วมจากการปะทะไปหลายครั้งแล้ว สุดท้ายต้องยอมรับดึง รั้ง ฉุด เพื่อทำฟาวล์เพื่อหยุดเค้าให้ได้ ขนาด โรเบิร์ตสัน ว่าแน่ๆ เจอตราโอเร่เข้าไปก็จิตตกเหมือนกัน แถมโดนเหลืองด้วย

อันดับที่ 2 วิลฟรีด ซาฮา
อันดับที่ 2 ถือว่าไม่พลิกโผเท่าไร กับ วิลฟรีด ซาฮา ปีกตัวพลิ้วจาก คริสตัล พาเลซ คนนี้บอกเลยว่าฝีเท้าควรจะไปเล่นให้ทีมใหญ่กว่านี้ได้แล้ว ในซีซั่นหน้า สำหรับเค้าเองใครที่ด้วย ต้องบ่นปวดหัวแน่นอน ความเร็ว ความคล่องตัว ความพลิ้วของเค้าถือว่าจับได้ยากมาก หากช้าไปเพียงหนึ่งจังหวะ หรือ 1-2 วินาที บอกเลยว่าเราอาจจะได้เห็นแต่แผ่นหลังของเค้าเท่านั้น จึงไม่แปลกที่หลายคนหยุดไม่อยู่ต้องยอมตัดฟาวล์ก่อนเข้าพื้นที่สุดท้าย ไม่งั้นก็ตูม ตุงตาข่ายเรียกใบเหลืองไป 19 ใบ

อันดับที่ 3 แจ็ค กรีลิช
คนนี้ถือว่าเซอร์ไพร์สนิดหน่อย สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามทุกทีมในพรีเมียร์ลีค แจ็ค ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญของแอสตัน วิลลา ในนาทีนี้เลย การเล่นกองกลางของเค้าน่าทึ่งมาก ทั้งเลี้ยง ยิง จ่าย ดูอันตรายไปหมด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องยอมตัดฟาวล์เพื่อไม่ให้เสียประตู เรียกไป 17 ใบในเกมนี้ จากสถิตินี้แสดงถึงความยอดเยี่ยมของเจ้าตัวด้วยที่อันตรายจนฝ่ายตรงข้ามต้องยอม

ลิเวอร์พูล กับความคาดหวังในซีซั่นใหม่

ลิเวอร์พูล กับความคาดหวังในซีซั่นใหม่

จำได้ว่าเพิ่งจะชูถ้วยโทรฟี่กันไปไม่เท่าไร ตอนนี้ไม่อีกถึง 1 สัปดาห์ แชมป์เก่าอย่างพวกเค้าก็กำลังจะต้องลงทำการป้องกันแชมป์แล้ว แน่นอนว่าการเป็นแชมป์ยาก แต่การรักษาแชมป์นั้นยากกว่า ตอนนี้ลิเวอร์พูลคงกำลังจะเจอสถานการณ์ที่ว่านั้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนที่จะลงเตะกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรามาดูกันว่า เป้าหมายและสิ่งที่กองเชียร์อย่างเราคาดหวังได้นั้นมีอะไรบ้าง
ป้องกันแชมป์
มองไปที่ลีค ผลงานอันยอดเยี่ยมของพวกเค้าที่ลงเล่นไป 38 เกม ชนะ 32 เสมอ 3 แพ้ 3 เก็บได้ 99 คะแนน เป็นแชมป์ก่อนปิดซีซั่นถึง 7 เกม มันคงเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีช ที่คงจะไม่มีใครทำลายได้โดยง่าย บวกกับพวกเค้าไม่เสียนักเตะไปเลย ทีมอื่นก็เสริมทัพไม่ได้มากจากโควิท 19 นั่นทำให้ เป้าหมายเดียวของลิเวอร์พูลในลีคที่ต้องทำให้ได้มีเพียงแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ การป้องกันแชมป์ลีคให้ได้อีกครั้งหนึ่ง แม้จะยากแต่มองดูแล้วถ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไม่ได้เมสซี่มา พวกเค้าก็มีโอกาสทำสำเร็จเหมือนกัน แม้จะไม่ได้สวยหรูเหมือนซีซั่นที่แล้วก็ตามที
บอลถ้วย ต้องได้ 1 ถ้วย
มองไปที่รายการบอลถ้วยในประเทศ เอาถ้วยลีคคัพก่อน โดยปกติถ้วยนี้ลิเวอร์พูลก็มักจะใช้เป็นเวทีแจ้งเกิดของดาวรุ่ง และนักเตะสำรองลงมายืดเส้นยืดสายกันบ้าง ทำให้ผลงานบางครั้งไม่ค่อยดีเท่าไร เอาเป็นว่าถ้าทีมสำรองหรือชุดผสมสามารถหลุดไปได้ถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย เชื่อว่าคล็อปป์น่าจะเอาจริงไปถึงแชมป์ให้ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องว่ากัน ส่วนเอฟเอคัพ น่าจะเป็นเป้าหมายที่ลิเวอร์พูลต้องการมากกว่า สองถ้วยในประเทศ เรามองว่าเป้าหมายน่าจะอยู่ที่การคว้ามา 1 ถ้วยเป็นอย่างน้อยซึ่งต้องเป็นเอฟเอคัพอย่างแน่นอน
แชมป์ UCL สมัยที่ 7
เกมฟุตบอลยุโรป ซีซั่นที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ตกรอบด้วย ฝีมือของแอต.มาดริด ที่ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเกมดราม่าของซีซั่นเลยก็ว่าได้ เรามองว่าซีซั่นนี้ คล็อปป์ น่าจะหันมาขอแก้มือในถ้วยนี้อีกครั้ง ด้วยนักเตะที่อยู่กับพร้อมหน้า บอกเลยว่าเป้าหมายคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากแชมป์ UCL สมัยที่ 7 เท่านั้น หากแข่งกันแบบทัวร์นาเมนต์อย่างนี้อีก บอกได้เลยว่ามีลุ้นแน่นอน

แผนฉุกเฉินของเซเรีย อา หากโควิท 19 ระบาดซ้ำ

เซเรีย อา

การกลับมาของฟุตบอลอิตาลี น่าจะเป็นสิ่งที่คนติดตามฟุตบอลรอคอยเหมือนกัน เพราะว่าตอนนี้กำลังโม่แข้งกันอย่างเมามัน โดยเฉพาะตำแหน่งแชมป์ ยูเวนตุส ที่ว่านอนมาแบบสบายใจไม่ใช่แล้ว พวกเค้ามีสิทธิ์โดนม้ามืดของทีมซีซั่นนี้อย่าง ลาซิโอ ปาดเข้าป้ายได้เหมือนกัน ทีนี้ก่อนจะกลับมาเตะกันอีกครั้ง พวกเค้าได้วางแผนออกมาตรการรองรับว่าถ้าหากเจอพิษโควิท 19 ระบาดอีกจนต้องหยุดลีคพวกเค้าจะทำอย่างไร เรามาดูแผนฉุกเฉินกัน

หากหยุดอีกจะไม่แข่งอีกแล้ว

จากแนวโน้มของการระบาดทำให้เราเห็นเลยว่า ถ้าหากโควิท 19 ทำให้ลีคอิตาลีเดินหน้าต่อไม่ได้ พวกเค้าจะไม่ฝืนลงเตะต่อจนจบฤดูกาลอย่างแน่นอน ซึ่งก็ทำถูกต้องแล้ว แต่หากต้องหยุดอีกคราวนี้พวกเค้าจะไม่พยายามกลับมาเตะอีกครั้งพวกเค้าจะใช้แผนบี และ ซีไปเลย เพื่อจัดการให้ซีซั่นนี้จบสิ้นไปแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ในซีซั่นหน้า
แผนบี การเตะเพลย์ออฟ
สำหรับแผนบี ที่ทางผู้บริหารลีคคิดกันออกมาก็คือ พวกเค้าจะเลือกการเตะเพลย์ออฟเพื่อหาผู้ชนะและการคว้าโควตาพื้นที่ UCL ทันที โดยการหาผู้ชนะด้วยวิธีนี้พวกเค้าจะนำทีมเตะสนามกลางเพื่อความเป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย แต่คำถามก็คือจะเอาทีมไหนบ้างเข้าไปเตะเพลย์ออฟในพื้นที่ดังกล่าว หากยึดตารางตามนี้อันดับที่ 1-2 คะแนนก็ขี่กันอยู่น่าจะมาจับคู่กันได้เลย แต่อันดับที่ 3-6 ก็น่าลุ้นมาจับคู่เตะกันเลย

แผนซี ใช้ค่าคะแนนเฉลี่ย

แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น แม้แต่จะเตะสนามกลางก็ไม่สามารถทำได้ นั่นทำให้พวกเค้าไม่มีทางเลือก ต้องใช้วิธีสุดท้ายนั่นก็คือ การใช้คะแนนเฉลี่ยมาเป็นตัวตัดสิน เหมือนกับที่หลายลีคเลือกใช้ไปแล้ว วิธีนี้เชื่อว่าหลายทีมคงไม่ยอมแต่หากมันจำเป็นก็ต้องใช้ตามกฎ เราก็ได้แต่หวังว่ากลับมาเตะคราวนี้จะเอาให้จบลีคกันไป จะได้ไม่ต้องหยิบเอาวิธีฉุกเฉินทั้งสองแผนนี้ขึ้นมาใช้ให้ปวดหัวกันอีก

อนาคตโดเมเน็ค ประเด็นทั้งหลายทั้งปวงและฟอร์มการเล่นของทีมในระยะหลังที่หนักไปทางแย่เสมอ

โดเมเน็ค
โดเมเน็ค

อนาคตโดเมเน็ค ประเด็นทั้งหลายทั้งปวงและฟอร์มการเล่นของทีมในระยะหลังที่หนักไปทางแย่เสมอ อย่าง จืดซืดนำมา สู่คำถามที่ว่า อนาคตของโดเมเน็คจะเป็นอย่างไรหรือพูดอีกแบบคือเขาสมควรจะได้รับความไว้วาง ใจให้คุมทีมต่อไปหรือไม่

ว่าไปแล้วคำถามนี้เห็นจะต้องพิจารณากันจริงๆ จังๆ หลังเกมกับไอร์แลนด์เพราะหากฝรั่งเศสแพ้หรือเก็บคะแนนจากดับลินกลับมาได้แค่ แต้มเดียว หนทางสู่เยอรมัน 2006 ของพวกเขาก็ตีกลับทันที เผลอๆ อาจจะไม่มีลุ้นเพลย์ออฟด้วยซ้ำ ณ ขณะนี้ ฌอง-ปิแอร์ เอสกาแลตต์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสคนใหม่ยังไม่ขอแสดงความเห็นขณะที่ มิเชล พลาตินี่ ว่าที่ผู้สมัครชิงประธานยูฟ่า ก็บอกว่าสมควรจะต้องให้เวลาโดเมเน็คในการสร้างทีมมากกว่านี้ และสำหรับ เอมเม่ ฌักเก้ต์ผู้อำนวยการการเทคนิคทีมชาติที่หนุนหลังโดเมเน็คมาตั้งแต่ต้นแล้ว การสร้างทีมนอกจากจะต้องใช้เวลาแล้วยังต้องใช้ความอดทนอีกด้วย จะใช้อะไรบ้างก็ตามที่โลร็องด์ บล็องก์ และหากเป็นเช่นนั้นจริงในวันหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการสร้างทีมในแบบที่แฟนบอลตราไก่อยากจะ เห็นก็เป็นไปได้

ก็มาติดตามและรอดูกันต่อไปนะครับว่าอนาคต ของโดเมเน็คจะเป็นอย่างไรต่อไป จะรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้หรือไม่ หรือจะมีไม้เด็ดก้นหีบที่ยังไม่เปิดเผยออกมา ไม้เด็ดที่จะสามารถช่วยกอบกู้สถาณการณ์ที่เป็นอยู่ได้ เรามาคอยช่วยลุ้นและติดตามให้กำลังใจไปกับเขากันเถอะ จะดีหรือจะร้าย ยังไงเราก็คอยเชียร์นายนะ

เวส บราวน์ กลับมาอย่างราชัน

เวส บราวน์
เวส บราวน์

ครั้งหนึ่ง เวส บราวน์ เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองผู้ดี ก่อนที่จะถูกริโอ้ เฟอร์ตินานด์ เข้ามาแย่งความเป็นหมายเลขหนึ่งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดไป

นักเตะคู่บารมีของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยใช้ความเพียรพยายามหลายครั้ง เพื่อทวงความเป็นหมายเลขหนึ่งของเขากลับคืนมา แต่น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นที่เอ็นหัวเข่าถึงสองครั้ง ทำให้เขาหมดโอกาสกลับมาต่อสู้โดยปริยาย

จึงต้องบอกว่าในเวลานี้ ชื่อของ เฟอร์ดินานด์,โซล แคมป์เบลล์,จอห์น เทอร์รี่ และอาจจะรวมไปถึง แม็ทธิว อัพสัน ได้แซงหน้าเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในสายตาของคนเป็นกุนชือทีมชาติอังกฤษอย่าง สเวน โกรัน อีริคส์สัน

บราวน์เคยคิดที่จะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในช่วงต้นฤดูกาลนี้เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง หลังจากที่ตกเป็นตัวสำรองจนชินชา

แต่ในที่สุดของก็ตัดสินใจขออยู่สู้ต่อ และหลังจากที่เขายอมต่อสัญญาใหม่กับสโมสรออกไปอีกเป็นเวลา 4 ปี โอกาสก็ดูจะกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง หลังอาการบาดเจ็บและติดโทษแบนของผู้เล่นตัวหลัก ๆ อย่าง แกรี่ เนวิลล์ และ มิกกาเอล ซิลแวสต์

บราวน์เผยว่าชีวิตของเขาในเวลานี้ ดูจะกลับไปสวยงาม เหมือนสมัยที่เขาก้าวขึ้นมาสู่ทีมของท่านเซอร์ใหม่ๆ เมื่อสามปีก่อน

ผมรู้สึกดีเอามากๆที่เดียวในตอนนี้ นอกจากนั้นความเชื่อมั่นยังกลับมาเหมือนเดิมอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ผมคงต้องพยายามรักษาตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ให้ได้ เพราะจะว่าไปแล้วตอนนี้ผมยังเข้าๆออกๆในทีมอยู่

ด้วยความสามารถดังกล่าว ทำให้ อิสมาเอล เนื้อหอมมาก

อิสมาเอล
อิสมาเอล

ด้วยความสามารถดังกล่าว ทำให้เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวฝรั่งเศสรายนี้เนื้อหอมมาก ได้รับการติดต่อจากหลายสโมสรในยุโรป ล่าสุดตกเป้นข่าวว่า บาเยิร์น สนใจจะดึงตัวไปเล่นในดอลิมปิก สเตเดี้ยมช่วงปิดซี่ซั่น เพื่อเสียบแทนที่ว่าง ซึ่งเสือใต้จะต้องสูญเสียกองหลังไปถึง 3 รายในซัมเมอร์นี้ ทั้งโรเบิร์ต โควัช,โธมัส ลิงเค่และซามูเอล คูฟฟูร์

อิสมาเอล ยังมีสัญญาที่จะเล่นในถิ่นเวเซอร์ สเตเดี้ยมอีก 2 ปี แต่เจ้าตัวสารภาพความในใจออกมาแล้วว่า อยากย้ายไปค้าแข้งกับเสือใต้ ยักษ์ใหญ่ของลีกเยอรมันที่พร้อมยื่นข้อเสนอของตัวเองอาจไม่สามารถปฏิเสธได้

บาเยิร์น คือหนึ่งในสโมสรชื่อดังของยุโรป เช่นเดียวกับยูเวนตุส และ รีล มาดริด สำหรับนักแตะทุกคนโอกาสที่จะได้เล่นกับบาเยิร์น มันคือข้อเสนอที่น่าสนใจ

โยฮัน มิกูย์ เพลย์เมกเกอร์ฝรั่งเศสพูดถึงเพื่อนซี้คนนี้ของเขาว่า วาเลเรียง(อิสมาเอล) พัฒนาฝีเท้าไปได้ไกลมากในการเล่นบุนเดสลีกา เขาเป็นชาวฝรั่งเศสแท้ๆ แต่เขาสามารถปรับตัวได้เร็วมากในการใช้ชีวิตที่นี่ เหมือนกับเป็นชาวเยอรมันไปแล้ว

ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากสตราส์บูร์ก มายัง แวร์เดอร์ เบรเมน จนถึงตอนนี้นับเป็นเวลาเกือบสองปี แล้วที่เขาใช้ชีวิตในประเทศเยอรมัน เมื่อผมมาที่นี่ใหม่ๆ ผมลงคอร์สเรียนภาษาเยอรมัน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับสมัยอยู่คริสตัน พาเลซ ผมก็เรียนภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน

ผมย้ายมาที่เบรเมนช่วงกลางปี 2003 ซึ่งจริงๆ แล้ว สโมสรสนใจผมตั้งแต่ช่วงต้นปี 2002 โดยก่อนย้ายมาที่เยอรมัน ผมได้รับการทาบทามจากโอลิมปิกเปียกอส,เอสปัน ญ่อล, สโมสรในกาตาร์ แต่ในที่สุดผมตัดสินใจเลือกแวร์เดอร์ เบรเมน

ปลายทางถนนลูกหนังของแม็คก้า

แม็คก้า
แม็คก้า

เป็นเวลานานเกือบสองปีแล้วที่อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ แม็คก้าผู้นี้เลือกเซ็นสัญญาย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิดกับ ซิตี้ พร้อมกับตกเป็นเป้าให้ผู้คนวิจารณ์กันอย่างสนุกปาก เมื่อไม่อาจทำผลงานให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ต้นสังกัดปัจจุบันจ่ายให้ ซ้ำร้ายยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บข้างสนาม

ผมจะพูดเรื่องอะไรได้สำหรับเรื่องแบบนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระผมไม่ใช่คนขี้เกียจ และไม่ใช่ตัวป่วนของสโมสร ผมพยายามจะช่วยเหลือเด็กๆ ในทีมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ลองไปถามพวกเขาดูเลย คนพวกนั้นเมื่อเห็นผมไม่ได้ลงเล่นเพราะบาดเจ็บ ก็พากันพูดไปต่างๆ นานาว่า ผมคอยแต่นั่งรับเงินไปวันๆ โดยไม่ได้ทำอะไร

มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังเสมอเมื่อเห็นทีมไม่ชนะ และพวกเขาก็ต้องหาใครซักคนมารับผิดชอบกับเรื่องนี้ ผมมาจาก รีล มาดริด พร้อมกับตำแหน่งแชมป์ แต่กลับไม่ได้ลงเล่นเพราะบาดเจ็บจึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะมาคาดคั้นหรือโยนความผิดทั้งหมดให้ผมแทน

แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร สมัยที่ยังเป็นเด็กฝึกหัดกับลิเวอร์พูล ผมมีโอกาสได้เห็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด ทุกครั้งที่ลงสนาม มักจะมีเสียงตะโกนจากแฟนบอลด่าว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งแบบเสียๆ หายๆ แต่ในทางกลับกัน ผมก็ได้ยินเสียงปรบมือชื่นชมจากกลุ่มคนอื่นเหมือนกัน เท่านั้นผมก็คิดได้ว่าฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้แหละ มีคนด่าก็ต้องมีคนชม บางทีนี่อาจจะเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดเท่าทีผมเคยได้รับก็เป็นได้

อเล็กซ์ ซง คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ลิเวอร์พูล ควรดึงมาเสริมทีมสำหรับตลาดซื้อขายรอบหน้านี้

หากพูดถึงผลงานของทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลของกุนซือ เบรนเดน ร็อดเจอร์ ในฤดูกาลนี้นั้น คงต้องบอกว่า ไม่อาจจะปฏิเสธได้จริงๆว่าสำหรับฤดูกาลนี้นั้น ทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลนั้นทำผลงานได้ค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควรจริงๆ เพราะฤดูกาลนี้เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไม่สามารถจบอันดับในโซนท็อปโฟร์ได้ จนส่งผลทำให้ฤดูกาลหน้านั้น ลิเวอร์พูลของกุนซือ เบรนเดน ร็อดเจอร์นั้น ไม่ได้ไปเตะรายการยุโรปอย่างยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกอีกครั้ง และก็คงไม่อาจจะปฏิเสธได้เหมือนกันว่า สำหรับหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ลิเวอร์พูลทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนั้น นั่นก็เพราะ การขาดหลุยส์ ซัวเรสไป และบวกกับกองหน้าตัวใหม่ที่ซื้อเข้ามาทดแทนนั้น ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทีมได้อีกด้วยนั่นเอง

และด้วยผลงานของลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้ที่ผ่านมาที่ทำได้อย่างน่าผิดหวังไปหน่อยนั้น เชื่อว่าสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้านี้ ทางลิเวอร์พูลนั้น น่าจะหากองหน้าตัวใหม่เข้ามาเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในแดนหน้าแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบกันดี ว่าสำหรับตอนนี้สิ่งที่ลิเวอร์พูลจะต้องแก้ไขนั้น นั่นก็คือต้องหากองหน้าตัวใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของทีมให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับโดยส่วนตัวแล้วก็มองว่า หากตลาดซื้อขายรอบหน้านี้ก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่นั้น ถ้าลิเวอร์พูลหากองหน้าที่ตอบสนองความต้องการของทีมในเรื่องการผลิตสกอร์ได้ มองว่าฤดูกาลหน้านั้นพวกเขาน่าจะกลับมาทำผลงานได้ดีแน่นอน แต่ทว่าก็ต้องเสริมตำแหน่งอื่นด้วยเหมือนกัน และอีกหนึ่งตำแหน่งที่ลิเวอร์พูลควรเสริมด้วยนั้น นั่นก็คือ กลางตัวรับอีกคนด้วย และสำหรับหนึ่งในตัวเลือกที่มองว่า น่าจะเข้ากันได้ดีกับลิเวอร์พูล ก็คือ อเล็กซ์ ซง นั่นเอง

โดยทั้งนี้สำหรับเหตุผลว่าทำไม ถึงอยากให้ลิเวอร์พูลเสริมกลางตัวรับใหม่เพิ่มอีกซักคนนั้น นั่นก็มองว่า จากผลงานที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ ตัวตัดเกมในแดนกลางของลิเวอร์พูลที่มีอยู่นั้น ยังทำผลงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ซึ่งจะเห็นได้ว่าจาก จำนวนประตูที่ทีมเสียไปทั้งหมดในฤดูกาลนี้ค่อนข้างเป็นตัวเลขที่สูงอยู่ แม้ว่าการทีมที่เสียประตูเยอะนั้น อาจจะมองว่าเป็นเพราะแนวรับของทีมมากกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ต้องบอกว่า ตำแหน่งกลางตัวรับของทีมนั้นก็คือหนึ่งในสาเหตุด้วย ดังนั้นก็เลยคิดว่า ลิเวอร์พูลควรจะเสริมกลางตัวรับเพิ่มอีกซักคน และเจ้าอเล็กซ์ ซง ก็คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะฤดูกาลนี้ อเล็กซ์ ซง คือหนึ่งในนักเตะกลางตัวรับที่โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นเลย และสไตล์การเล่นของเขานั้นก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับลิเวอร์พูลด้วย อีกทั้งเชื่อว่าราคาค่าตัวของเจ้าอเล็กซ์ ซง นั้นก็ไม่น่าจะแพงมากด้วย ดังนั้นเลยคิดว่า อเล็กซ์ ซง นั้นคืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ลิเวอร์พูลควรดึงมาเสริมทีมสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะรอบหน้านี้นั่นเอง.